วันพุธที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

วันที่ 24 เมษายน 2561 ครั้งที่ 13

วันนี้อาจารย์ได้นัดนักศึกษาทำอาหารเด็กปฐมวัยที่โรงเรียนสาธิตจันทรเกษม
เพื่อนต่างพากันเตรียมอุปกรณ์มาทำอาหาร
                 
                                ภาพบรรยากาศการทำอาหาร


อาหารกลุ่มดิฉัน




อาจารย์ทำบัวลอย



วัตถุดิบของกลุ่มดิฉัน
คือ ทำข้าวผัดหลากสีและกล้วยบวชชี


ดิฉันทำกล้วยบวชชี



เพื่อนๆทำข้าวผัด




ข้าวผัดเพื่อนคนละกลุ่ม



ข้าวผัดเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่ง



เพื่อนมีความตั้งใจทำอาหารมาก




แม่บ้านแม่เรื่อน

สมาชิกของกลุ่มดิฉัน


วันที่ 17 เมษายน 2561 ครั้งที่ 12

เรียนเรื่องอาหารและโภชนาการของเด็ก
อาหารหลัก 5 หมู่
อาหารที่เป็นโทษ
และนำเสนองาน เรื่องคุณธรรมจริยธรรม
วันนี้มาเรียนน้อยมากเพราะเพื่อนส่วนใหญ่กลับบ้านกันหมด
                            
                                                              ภาพบรรยากาศกานำเสนองาน



ประเมินตนเอง มีความตั้งใจมาเรียนถึงแม้เพื่อนส่วนใหญ่จะกลับบ้าน
ประเมินเพื่อน เพื่อนมีึความตั้งใจมาเรียน
ประเมินอาจารย์ อาจารย์ตั้งใจมาสอนถึงแม้นักศึกษาส่วนใหญ่จะกลับบ้าน

วันที่ 10 เมษายน 2561 ครั้งที่ 11

วันนี้อาจารย์ได้แจงถึงระยะเวลาการมาเรียนว่าเหลืออีกแค่ 2 ครั้งของการเรียนภาคเรียนที่ 2/ 2560
สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ใกล้ช่วงสงกรานต์เพื่อนส่วนมากจะกลับต่างจังหวัดกัน
วันก็ได้นำเสนอวิดีโอบทบาทสมมุติและสั่งงานใหม่คือให้ไปหาคุณธรรมพื้นฐาน 8 ประการ โดยจะนำเสนอในรูปแบบใดก็ได้ที่จะส่งเสริมให้เด็กมีคุณธรรมจริยธรรม มาส่งอาทิตย์ถัดไป

                                                           ภาพบรรยากาศในห้องเรียน



ประเมินตนเอง ได้เข้าใจถึงบทบาทสมมติที่เพื่อนนำเสนอ
ประเมินเพื่อน เพื่อนตั้งใจเรียน
ประเมินอาจารย์ อาจารย์จะให้ความรู้ตลอดเวลาและมีความเต็มที่ในการสอน

วันที่27 มีนาคม 2561 ครั้งที่ 10

วันนี้อาจารย์ได้บอกคะแนนสอบกลางภาคว่าได้กี่คะแนนและให้นำเสนอวิดีโอการไปสัมภาษณ์ครูปฐมวัยว่ามีบทบาทหน้าที่ยังไงโดยกลุ่มดิฉันได้ไปสัมภาษณ์ครูที่โรงเรียนวัดลาดปลาเค้าครูที่ไปสัมภาษณ์ให้ความร่วมมือดีมากบอกรายละเอียดทุกอย่างของการเป็นครูปฐมวัย
  
                                                           ภาพบรรยากาศการนำเสนอวิดีโอ




ประเมินตนเอง ได้รู้บทบาทหน้าที่ของการเป็นครูปฐมวัยมากยิ่งขึ้น
ประเมินเพื่อน เพื่อนๆมีความตั้งใจในการเรียน
ประเมินอาจารย์ เมื่อนำเสนอวิดีโอแต่ละกลุ่มเสร็จอาจารย์จะสรุปให้เข้าใจมากยิ่งขึ้นอาจารย์ใส่ใจในการสอนมาก

วันอาทิตย์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2561

วันที่ 20 มีนาคม 2561 ครั้งที่9

วันี้อาจารย์ก็ได้สอน 2เรื่องคือ

1 เรื่องแนวทางการจัดสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้

ความหมายของสิ่งแวดล้อม

แบ่งเป็น 2 ประเภท ดังนี้
  1. สิ่งแวดล้อมภายในตัวบุคคล (implicit environment)  ได้แก่
การทำงานของระบบต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น ระบบย่อยอาหาร
ระบบขับถ่าย ระบบต่อมไร้ท่อ เป็นต้น
  2. สิ่งแวดล้อมภายนอก (explicit environment) ได้แก่
สิ่งแวดล้อมที่อยู่ภายนอกกายของมนุษย์ เช่น วัตถุสิ่งของ คน พืช สัตว์ กิจกรรมต่าง ๆ ที่เกิดจากคนและสัตว์ 
สิ่งแวดล้อมมีความหมายและความสำคัญต่อเด็กเล็ก คือ
เด็กได้รับการฝึกอบรมให้รู้จักบทบาทต่างๆ ในสังคม ทั้งในวัยเด็ก
และวัยผู้ใหญ่ไปพร้อมๆ กัน
ปัจจัยของสิ่งแวดล้อมที่มีอิทธิพลต่อพัฒนาการของเด็ก
ปฐมวัยมีดังนี้
1. ประสบการณ์ที่เด็กได้รับจากการตอบสนองความต้องการพื้นฐาน
2. ประสบการณ์ที่ได้จากการสร้างสัมพันธภาพในครอบครัว
3. ประสบการณ์ที่เด็กได้รับจากสัมพันธภาพทางสังคม
4. ประสบการณ์ที่ได้รับความสะเทือนใจมาตั้งแต่วัยเด็ก
สิ่งแวดล้อมมีอิทธิพลต่อพัฒนาการของเด็กโดยพฤติกรรม
บางอย่างจะถูกกระตุ้นให้เร็วขึ้น โดยสิ่งแวดล้อมหรืออาจจะช้าลงถ้าเด็กไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม ดังนั้นสิ่งแวดล้อมจึงมีอิทธิพลต่อการพัฒนาเด็กปฐมวัย ซึ่งจัดเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
  1. สิ่งแวดล้อมที่ส่งเสริมพัฒนาการทางกาย
  2. สิ่งแวดล้อมที่ส่งเสริมพัฒนาการทางอารมณ์และสังคม
  3. สิ่งแวดล้อมที่ส่งเสริมพัฒนาการทางสติปัญญา
1. การจัดสิ่งแวดล้อมในห้องเรียน
  เป็นการจัดวัสดุ อุปกรณ์ และวิธีการที่มีลักษณะ และคุณสมบัติเหมาะสมสำหรับการกระทำกิจกรรมภายในอาคาร และภายในห้องเรียน
2. การจัดสิ่งแวดล้อมนอกห้องเรียน
  ครูผู้จัดจะต้องพิถีพิถันในการพิจารณาวางแผนอย่างดีไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการจัดสิ่งแวดล้อมในห้องเรียน สอดคล้องและเสริมประสบการณ์ โดยใช้พื้นที่นอกห้องเรียนเป็น 2 ส่วน คือ
  2.1 สนาม
  2.2 สวนในโรงเรียน
การเลือกสื่อและการจัดสภาพแวดล้อมสำหรับเด็กปฐมวัยตามแนวคิดการจัดการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับการพัฒนาการและการทำหน้าที่ของส่วนต่างๆ ในสมอง  (Brain - Based Learning)
  1. สื่อ
  1.1 เพลง
  1.2 เครื่องดนตรี
  1.3 หนังสือ
การจัดสภาพแวดล้อม
1. สภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกห้องเรียนต้องปลอดภัย สะอาด ดึงดูดใจ และกว้างขวางพอกับสนามเด็กเล่น
  2. พื้นที่จัดกิจกรรมต้องกำหนดให้ชัดเจนเด็กต้องมีพื้นที่ที่สามารถทำงานได้ด้วยตนเอง และทำกิจกรรมด้วยกันเป็นกลุ่มเล็ก ๆหรือกลุ่มใหญ่
  3. พื้นที่สำหรับเด็กต้องจัดให้สะดวกสำหรับทำกิจกรรมต่างๆ อาจจัดเป็นกลุ่มเล็กหรือรายบุคคล
  4. สีที่ใช้ทาห้องเรียนและอาคารควรใช้สีที่กระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ เป็นสีอ่อนเย็น เช่น สีเขียว (ก้านมะลิ) สีฟ้า (เทอร์ควอยซ์) สีเหลือง (อ่อน) เป็นต้น 
2 เรื่องการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรมในเด็กปฐมวัย
ความหมายของคำว่า จริยธรรมไว้ในลักษณะที่คล้ายคลึงกัน ดังนี้
“จริยธรรม คือ หลักแห่งการประพฤติ ปฏิบัติที่ดี ที่เหมาะที่ควร”
“จริยธรรม คือ หลักคำสอนที่ว่าด้วยแนวทางการประพฤติที่เป็นหลักการและเป็นที่ยอมรับนับถือ”

ทฤษฎีจริยธรรมตามแนวคิดการให้เหตุผลเชิงจริยธรรมของโคลเบอร์ก
(Kolhberg’s theory of morals resoning)
              โคลเบอร์ก เป็นนักจิตวิทยาที่อธิบายถึงจริยธรรมของคนที่พัฒนาขึ้นไปพร้อม ๆ กับความสามารถในการคิดเชิงเหตุผล โดยแบ่งออกเป็น 3 ระดับคือ ระดับก่อนกฎเกณฑ์ ระดับกฎเกณฑ์สังคม และระดับเลยกฎเกณฑ์ของสังคม สำหรับเด็กปฐมวัย จะอยู่ในขั้นแรกของทฤษฎีคือ ระดับก่อนกฎเกณฑ์
             ขั้นตอนที่ 1 การหลีกเลี่ยงการลงโทษและการทำตามคำสั่ง (Punishment and obedience oreintation) เด็กวัยนี้จะประพฤติตนตามกฎเกณฑ์ต่าง ๆ เพราะหลีกเลี่ยงการลงโทษ ความถูก ผิด ตัดสินโดยพิจารณาผล
             ขั้นตอนที่ 2 การปฏิบัติเพื่อมุ่งหวังรางวัลส่วนตัว (Personal reward Oreintation) เด็กจะนำความต้องการของตนมากำหนดสิ่งที่ถูกและผิด ถ้าหากปฏิบัติสิ่งใดแล้วได้รางวัลก็จะยึดถือว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง

ทฤษฎีการเรียนรู้จริยธรรมด้วยการกระทำตามแนวคิดของสกินเนอร์
            เชื่อว่าพฤติกรรมของคนเกิดจากการปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ผลจากการแสดงพฤติกรรมนั้นจะเป็นตัวบ่งชี้ว่าพฤติกรรมนั้นจะมีแนวโน้มเกิดขึ้นอีกหรือไม่ในสถานการณ์ที่คล้ายกับสถานการณ์เดิม ถ้าเกิดขึ้นอีกจะเรียกผลพฤติกรรมนั้นว่า การเสริมแรงทางบวก แต่ถ้าไม่เกิดขึ้นอีกเรียกผลของพฤติกรรมนั้นว่า การลงโทษ การอธิบายถึงการเรียนรู้ด้านจริยธรรมผ่านกระบวนการเสริมแรงและการลงโทษ หากเด็กแสดงพฤติกรรมที่ดีแล้วได้รับการชมเชย ยกย่อง คือ เด็กจะแสดงพฤติกรรมนั้นซ้ำอีก แต่หากแสดงพฤติกรรมใดแล้วถูกลงโทษ เด็กจะระงับหรือหยุดการกระทำนั้น ๆ

ทฤษฎีการเรียนรู้พฤติกรรมจริยธรรมตามแนวคิดของแบนดูรา
พฤติกรรมส่วนใหญ่ของคนในสังคมเกิดจากการเรียนรู้ โดยการสังเกตจากตัวแบบ ทั้งตัวแบบในชีวิตจริง
พฤติกรรมจริยธรรมตามแนวคิดนี้มี  4 ขั้นตอนคือ
ขั้นตอนที่ 1 กระบวนการตั้งใจ
ขั้นตอนที่ 2 กระบวนการเก็บจำ
ขั้นตอนที่ 3 กระบวนการกระทำ
ขั้นตอนที่ 4 กระบวนการจูงใจ 
ประเมินตนเอง ได้รู้เนื้อการแนวทางการจัดการสิ่งแวดล้อมและการปลูกฝังคุณธรรมในเด็กปฐมวัย
     ประเมินเพื่อน   นื้อการแนวทางการจัดการสิ่งแวดล้อมและการปลูกฝังคุณธรรมในเด็กปฐมวัย
     ประเมินอาจารย์ อาจารย์มีการเตรียมตัวในการสอนมาอย่างดีทุกอาทิตย์มีความพร้อมในเนื้อหาที่สอนและมีการวางแผนในการสอนทุกครั้ง
ภาพบรรยากาศในห้องเรียน


วันที่ 6 มีนาคม 2561 ครั้งที่ 8

การอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัย

  การอบรมเลี้ยงดู หมายถึง การที่ พ่อ แม่ดูแลเลี้ยงดูลูกปฏิบัติต่อลูกที่ยังไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ให้เจริญเติบโตและมีพัฒนาการครบทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ ด้านร่างกาย ด้านอารมณ์จิตใจ ด้านสังคมและด้านสติปํญญา
ความจำเป็นที่ต้องมีพ่อ 
เด็กต้องเห็นตังอย่างผู้ใหญ่ชาย
พ่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูกชาย
เด็กผู้หญิงจะได้รู้บทบาทผู้ชาย
พ่อช่วยปลูกฝังลักษณะให้แก่ลูก เช่น ความแข็งแกร่งบึกบึน
ความจำเป็นที่ต้องมีแม่
คอยดูแลลูกให้ปฏบัติตามแบบแผน
ช่วยปลูกฝังนิสัยการกินที่ดี
สอนให้รักษาความสะอาด
สอนให้ลูกรู้จักเก็บรักษาสมบัติของตนเอง
ความสำคัญและความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่และลูก
หมายถึง ความรู้สึกที่พ่อแม่มีต่อลูกและความรู้สึกที่ลูกมีต่อพ่อแม่
วิธีการอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัย   มีดังนี้  
                  1.   การสร้างความผูกพันรักใคร่   เป็นพื้นฐานสำคัญในการอบรมเลี้ยงดู   พ่อ – แม่  ผู้ปกครองจะต้องเริ่มสร้างความผูกพันรักใคร่ให้เกิดขึ้น   ตั้งแต่เด็กยังอยู่ในวัยแรกเกิด  พ่อแม่   ผู้ปกครองได้สัมผัสลูกอย่างอ่อนโยนอุ้มอย่างทะนุถนอม เลี้ยงดูเอาใจใส่ในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ให้กับเด็ก  ดูแลความสุขสบายต่าง ๆ  พูดคุยกับเด็กด้วยเสียงที่นุ่มนวล  เป็นต้น   สิ่งนี้จะเป็นพื้นฐานที่จะช่วยให้การอบรมในวัยเด็กได้ผลดีอีกทั้งยังเป็นการสร้างความผูกพันรักใคร่ให้เกิดกับเด็กอีกด้วย
                  2.   ระบบการให้รางวัลทางด้านบวก   เป็นวิธีที่ใช้ได้ผลอย่างมีประสิทธิภาพเมื่อเด็กได้กระทำพฤติกรรมที่พึงปรารถนาจะมีการให้รางวัลหรือสิ่งตอบแทน   เช่น  ความรัก  ความสนใจ         
คำชมเชยซึ่งจะทำให้การกระทำนั้น ๆ เกิดขึ้นอีก
                  3.   พ่อแม่ผู้ปกครองจะต้องเป็นผู้มีศีลธรรม ประพฤติปฏิบัติแต่ในสิ่งที่ดีงามและถูกต้อง
                  4.   การควบคุมสิ่งแวดล้อม   พ่อแม่ผู้ปกครองจะต้องจัดสิ่งแวดล้อมที่ทำให้เกิดพฤติกรรมที่พึงประสงค์   เช่น  การจัดให้เล่นเกมเพื่อเด็กจะได้รู้จักกฎเกณฑ์  และการรู้แพ้รู้ชนะ   การจัดหาหนังสือที่มีประโยชน์อ่านให้เด็กฟัง   เพื่อให้เกิดนิสัยรักการอ่าน  เป็นต้น
                  5.   วิธีการตอบสนองกลับ  เป็นการเปิดโอกาสให้เด็กได้พูดเพื่อแสดงความรู้สึกของตนออกมาทั้งทางบวกและทางลบ  เมื่อเด็กมีปัญหาพ่อแม่ผู้ปกครองควรตัดสินใจฟังเด็กว่ากำลังพูดอะไร  เมื่อเด็กพูดจบพ่อแม่ผู้ปกครองจะต้องสะท้อนความรู้สึกที่เด็กได้แสดงออกกลับไป   ด้วยคำพูดของพ่อแม่ผู้ปกครองเอง   ซึ่งจะทำให้เด็กรู้สึกว่าตนเองเป็นที่ยอมรับและมีคุณค่า   อันจะส่งผลให้พ่อแม่ผู้ปกครองและเด็กเข้าใจได้ตรงกัน
                  6.   การควบคุมพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์   พ่อแม่ผู้ปกครองควรควบคุมพฤติกรรมเหล่านี้ด้วยวิธีการต่าง ๆ  ที่เหมาะสมกับปัญหา  วิธีการที่ใช้ในการแก้ปัญหาได้แก่
                        6.1   การแยกเด็กออกจากกลุ่มในช่วงเวลาสั้น ๆ
                        6.2   การแยกตัวของพ่อแม่ผู้ปกครอง
                        6.3   การห้ามไม่ให้เด็กทำสิ่งหนึ่งที่สำคัญสำหรับตัวเด็กในช่วงเวลาหนึ่ง

                        6.4   การตี   จะใช้ก็ต่อเมื่อใช้วิธีการอื่นไม่ได้ผลแล้ว   ไม่ควรทำกับเด็ก  2  ขวบ  และไม่ควรกระทำอย่างรุนแรง
วิธีการอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยที่ไม่เหมาะสม
                  วิธีการอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยที่ไม่เหมาะสม   มีดังนี้
                  1.   การสั่งสอนไม่ควรเป็นการเทศนา   เพราะจะทำให้เด็กเบื่อ   ไม่สนใจใยดีที่จะฟัง   ดังนั้นในการอบรมเลี้ยงดูพ่อแม่ผู้ปกครองจะต้องสอนด้วยเหตุผลสั้น ๆ  อย่างชัดเจนและเข้าใจง่าย
                  2.   การดุด่า  ไม่ควรนำมาใช้เพราะจะทำให้เด็กเกิดความรู้สึกเกลียดพ่อ  แม่  ผู้ปกครอง
                  3.   การขู่   พ่อแม่ผู้ปกครองมักใช้คำขู่เด็กเมื่อมีความโกรธหรือเด็กไม่ยอมทำตาม  หรือไม่เชื่อฟัง   ดังนั้น  ในการสอนหรืออบรมเด็กไม่ควรนำคำขู่มาใช้
                  4.   การพูดเสียดสี  เหน็บแนม  หรือ  ถากถาง  ที่พ่อแม่ผู้ปกครองประสงค์ทำเพื่อประชดหรือให้เด็กได้เจ็บโดยหวังว่าเด็กจะมีพฤติกรรมที่ดีขึ้น  แต่ในข้อเท็จจริงแล้วกลับกลายเป็นการทำลายสัมพันธ์ภาพระหว่างพ่อแม่ผู้ปกครองกับเด็ก
                  5.   การสัญญา   สัมพันธภาพระหว่างพ่อแม่ผู้ปกครองและเด็ก   ควรอยู่บนพื้นฐานของความ  เชื่อถือ  เชื่อใจซึ่งกันและกันไม่ใช่การสัญญา
                  6.   การติดสินบน    จะทำให้เด็กทำดีเพียงชั่วครู่เท่านั้น  แต่ในระยะยาวแล้วจะไม่ได้ผล  เพราะไม่สามารถติดตัวเด็กเป็นนิสัยได้
                  7.   การหลอกหรือหยอกล้อเด็กในทางที่ไม่ควร  เพื่อหวังผลให้เด็กหยุดพฤติกรรมที่กำลังทำอยู่   หรือเพื่อความสนุกสนาน  นอกจากจะทำให้เด็กเกิดความรู้สึกกลัวโดยไร้เหตุผลแล้ว   ยังเป็นการขัดขวางความอยากรู้อยากเห็นของเด็กอีกด้วย

ทารกแรกเกิด 0-30 วันดูแลและส่งเสริมพัฒนาการ

เมื่อแรกคลอดสัญชาตญาณของทารก คือการมีชีวิตรอด ทารกปกติจะมีทักษะการหายใจได้เองอย่างน่าอัศจรรย์  เมื่อแรกคลอดที่ตัดสายสะดือ เขาและคุณแม่ถูกแยกออกเป็นคนละคนแล้ว  ยกเว้นในรายที่มีอาการผิดปกติร่วมด้วย ไม่สามารถหายใจได้เอง ทารกวัยแรกเกิดนี้ ประสาทสัมผัสทั้ง5 เริ่มทำงาน สามารถได้ยินเสียงจากสิ่งแวดล้อมรอบตัวได้เป็นอย่างดี เพราะหูของเขารับรู้ได้ยินเสียงตั้งแต่เดือนที่ 7 ขณะอยู่ในครรภ์  รู้สึกร้อนหนาว ร้องเมื่อเปียก แฉะ หนาว หรือหิว ประสาทสัมผัส ทั้ง 5 ทำงานเกิอบปกติแล้ว ยกเส้นการมองเห็น  เพราะทารกแรกเกิด – 30 วัน สามารถมองเห็นลางๆ คล้ายทีวีขาวดำ ระยะ 1 ฟุตเท่านั้น

ตรวจเช็คพัฒนาการ ทารกแรกเกิด

วัยแรกเกิดฉลาดที่จะเรียนรู้ – เมื่อแตะมุมปาก ลูกจะเผยอปากพร้อมกับหันหานิ้วที่แตะ ทำท่าเตรียมดูดนมได้
  • คว้าจับได้หากบังเอิญมือไปแตะเข้ากับสิ่งของ
  • หากแม่เอานิ้วมือไปสัมผัสบริเวณฝ่ามือของลูก ลูกจะค่อยๆ กำมือเข้าหา เมื่อดึงออก

การกระตุ้น พัฒนาการทารกแรกเกิด

  • กระตุ้นด้วยการสัมผัสที่อบอุ่น
  • กระตุ้นด้วยการนวดสัมผัส การนวดสัมผัส ทำให้ทารกผ่อนคลาย หลับสบาย อารามณ์ดีท้องไม่อืด

โภชนาการของ ทารกแรกเกิด


  • นมแม่อย่างเดียว แรกเกิด – 2 วันแรกลูกอาจจะไม่ดูดนม หลับซะส่วนใหญ่เป็นพัฒนาการตามวัย เด็กแรกเกิด สามารถอยู่ได้ 24 ชั่วโมงโดยที่ไม่ต้องรับประทานอะไรเลย  เพราะทารกได้สระสมสารอาหารจากสายสะดือแม่ตอนที่อยู่ในครรภ์ พกติดตัวมาด้ว หรือเรียกกันว่า เด็กแรกเกิดพกปิ่นโตมาด้วย หาก 2 วันแรกทารกดูดนมน้อย นอนมาก อย่าตกใจ
  • สำหรับทารก ที่ไม่สามารถดื่มนมแม่ได้  ไม่ว่าจะเหตุผลใๆก็ตาม ุแม่ควรให้ลูกได้รับนม ผงวันละ 6-8 มื้อ
  • ไม่ต้องดื่มน้ำเพราะในนมแม่มีอัตราส่วนของน้ำผสมอยู่แล้ว
  • สูตรคำนวณนมของทารกแรกเกิด 0-30 วัน
    น้ำหนักลูกเป็นกิโลกรัม คูณ  150 ซีซี แล้วหาร 30 เป็นปริมาณนมใน 1 วัน แบ่ง 6 มื้อ
    ตัวอย่างเคสแรกเกิด หนัก 3 กก. ครบ 1 เดือน ควรหนัก 3.6 แต่คำนวณง่ายๆ เอา 4 กก.คูณ 150 เท่ากับ 600 หาร 30 คือ 20 ออนซ์ + /- ได้ไม่เกิน 4 ออนซ์ ควรเเบ่งมื้อนมอออกเป้น 6-8มื้อ/วัน นะคะ ไม่ควรให้นมลูกมากเกิดนไปอาจทำให้เกิด Over feeding ได้

การดูเเลทุกเรื่องของทารกแรกเกิด ตลอด24ชั่วโมง 

เมื่อลูกยังไม่ครบ 1 เดือน คุณพ่อคุณแม่ต้องดูแลอย่างไกล้ชิด วิธีการดูแลลูกน้อยอย่างถูกต้องเหมาะสม และสังเกตอาการที่อาจจะเกิดขึ้น ดังนี้
  • แหวะนม  อาเจียน  อาการดังกล่าวหากเกิดไม่ถี่จนเกินไป ถือว่าปกติ เกิดจากหูรูดกระเพาะอาหารทำงานไม่สมบูรณ์ หากบ่อยครั้ง อาเจียนพุ่ง ควรพบแพทย์ อาจมีภาวะกรดไหลย้อน หรือลำไส้กลืนกัน
  • เด็กนมผสม ในรายที่คุณแม่ไม่สามารถให้นมแม่ได้ ลูกกินนมผสม( นมผง)  อาจมีปัญหามากกว่าเด็กนมแม่ เช่น ผื่นขึ้น ท้องอืด ถ่ายเหลว ถ่ายเป้นมูก ไม่ถ่าย แน่นอนลูกคุณแม่อาจแพ้โปรตีนในนมวัว ต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด่วนค่ะ
  • ท้องอืด    หากลูกดูดลมเข้าไปเยอะ ควรให้เรอหลังดูดนมทุกครั้ง และอุ้มนาน 30 นาทีก่อนค่อยให้นอนลง
  • การขับถ่ายปัสสาวะสีเข้มหรือไม่  การได้รับน้ำ หรือนมไม่เพียงพอทำให้ปัสสาวะสีเข้มได้ คุณแม่ควรใส่ใจลูกน้อยเรื่องนี้ด้วยค่ะ
  • การขับถ่ายหากลูกกินนมแม่จะถ่ายอุจจาระบ่อย 48ชั่วโมงแรก ทารกจะมีอุจจาระที่ดำๆ เขียวๆ ที่เรียกว่า “ขี้เทา” มีลักษณะนุ่มเหนียว ซึ่งเป็นสิ่งที่ตกค้างอยู่ในลำไส้ของทารกจากเมื่อตอนที่ยังอยู่ในท้องแม่ และจะถูกขับออกมาตามกระบวนการขับถ่าย หลังจากนั้นอุจจาระของลูกก็จะกลายเป็นสีเหลืองเอง
  • ลิ้นเป็นผ้า หลังดื่มนม ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำต้มสุกเช็ดทำความสะอาดคราบน้ำนม เหงือก และลิ้น
  • ร้องตลอดเวลา การร้องของลูกวัยนี้บ่งบอกถึง การไม่สุขสบาย คุณพ่อคุณแม่ต้องสำรวจว่า เปียก หิว หนาว ร้อน หรือมดแมลงกัดหรือเปล่า ค่อยๆสังเกตอย่าใจร้อนและตกใจกับเสียงของเจ้าตัวเล็ก
  • เปลี่ยนผ้าอ้อมสำเร็จรูปทุก 4 ชั่วโมง หรือเมื่อขับถ่ายอุจาระ สำหรับผ้าอ้อมผ้า เปลี่ยนทุกครั้งที่แฉะ เปียก
  • อาบน้ำ วันละ 1 ครั้ง สระผมวันละ 1 ครั้ง ถ้าอาบน้ำตอนเช้า ตอนเย็นให้เช็ดตัว  น้ำที่ใช้ต้องเป็นน้ำอุ่นเท่านั้น
  • เปิดแอร์ได้ หากร้อน อุณภูมิห้องเด็ก ควรอยู่ที่ 27 องศาเซลเซียส หากเปิดพัดลมไม่ควรสัมผัสทารกโดยตรง
  • ถุงมือ ไม่ควรสมใส่ถุงมือตลอดเวลา เพราะเป็นการปิดกั้นพัฒนาการลูก เด็กวัยแรกเกิดหากใช้มือสัมผัสกับสิ่งรอบข้าง กำๆ แบๆ บ่อยๆ เป็นการเสริมสร้างเส้นใยประสาท เป้นการกระตุ้นที่ดีมาก
  • ห่อตัว ไม่ควรห่อตัวลูกหากไม่จำเป็น  เพราะเด็กสามารถปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมได้แล้ว ห่อตัวเมื่ออกนอกบ้าน เช่นไปฉีดวัคซีน  ตรวจสุขภาพ เท่านั้น
การดูแลทารกแรกเกิดไม่ใช่เรื่องยากเกินความสามารถของคุณแม่อย่างคุณ เทคนิคการเลี้ยงลูกให้มีความสุขในช่วงวัยนี้คือ สังเกตุความต้องการและตอบสนองให้ตรงจุดเพราะเด็กแต่ละคนความต้องการแตกต่างกัน แค่นี้คุณก็เป็นคุณแม่มืออาชีพแล้ว
ประเมินตัวเอง ได้รู้วิธีการอบรมเลี้ยงดูเด็กฐมวัย
ประเมินเพื่อน เพื่อนๆได้รู้วิธีการอบรมเลี้ยงดูเด็กฐมวัย
ประเมินอาจารย์ อาจารย์อธิบายวิธีการอบรมเลี้ยงดูเด็กฐมวัยได้ดี
ภาพบรรยากาศในห้องเรียน


วันอังคารที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2561

วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2561 ครั้งที่ 7

วันนี้อาจารย์ให้นำเสนอ
บทความเกี่ยวกับเด็กปฐมวัยเช่น
บทความสื่อและเครื่องเล่นยุคใหม่ของเด็กปฐมวัย (Media and playing materials for the preschooler) เป็นผลพวงของความเจริญก้าว หน้า และศักยภาพในการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่เกิดเป็นผลผลิตทางการเรียนรู้ให้แก่มนุษย์ชาติ เด็กปฐม วัยคือคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้รอดผลจากผลกระทบทั้งหลายเหล่านั้น ถึงเวลาแล้วที่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย จะต้องหันมาให้ความสนใจ และคิดใคร่ครวญถึงบทบาทหน้าที่ของแต่ละฝ่าย ในการร่วมเรียนรู้ พัฒนา และสนับสนุน ส่งเสริมการใช้สื่อและเครื่องเล่นยุคใหม่ เพื่อพัฒนาเด็กทั้งรายบุคคลและในระบบกลุ่มสื่อและเครื่องเล่นโดยทั่วไปแล้ว มีคุณค่าในการเสริมสร้างพัฒนาทักษะพื้นฐานแก่เด็กในหลากหลายด้าน ทั้งร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม สติปัญญา รวมถึงความเข้าใจในการทำหน้า ที่ของมนุษย์แต่ละช่วงวัย เสริมจิตนาการและทักษะการสื่อสารระหว่างเพื่อนมนุษย์รอบๆตัวสื่อและเครื่องเล่นยุคใหม่ในปัจจุบันนี้ มักปรากฏให้เห็นในรูปแบบดิจิตอลอนาล็อก โปรแกรม แอพพลิเคชั่น ที่ใช้ประกอบฮาร์ดแวร์ เช่น เครื่องโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ตอีบุ๊คส์ หรือโปรแกรมทีวีออนไลน์ ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อ อำนวยความสะดวกสบายแก่ผู้ใช้งาน สามารถส่งเสริมการเรียนรู้ในรูปแบบต่างๆแก่เด็ก อย่างไรก็ตาม กิจกรรมการเรียนรู้แบบดั้งเดิมเช่น การวาดภาพระบายสี การตัดแปะกระดาษต่างๆ ก็ยังมีความสำคัญ และเป็นกิจกรรมการพัฒนาหลักๆที่ขาดไม่ได้ เพราะเป็นกิจกรรมที่เด็กใช้อวัยวะร่างกาย เช่น ลำแขน ฝ่ามือ และอวัยวะอื่นๆ ทำงานร่วมกันในการสร้างชิ้นงาน ตามความคิด ซึ่งสื่อยุคใหม่จะสามารถเข้ามาเติมเต็มให้เกิดผลผลิตที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้นได้ เช่นการสร้างรูปด้วย กล้องดิจิตอล วีดีโอ โทรศัพท์มือถือ เทปบันทึกเสียง ที่สร้างความบันเทิง ร่วมกับเสนอตัวช่วยในการสร้างชิ้นงานจากจิตนาการสร้างสรรค์ของแต่ละคน


ประเมินตนเอง ได้ฟังบทความหลายๆเรื่องและได้รู้เนื้อหาบทความมากขึ้น
ประเมินเพื่อน เพื่อนๆได้รู้บทความหลายเรื่องมากขึ้น
ประเมินอาจารย์ อาจารย์ได้พูดเสริมเพิ่มเติมเนื้อหาสาระมากขึ้นทำให้เข้าใจชัดเจนยิ่งขึ้น

วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2561 ครั้งที่ 6

วันนี้อาจารย์ได้ให้นำเสนอนักทฤษฎีที่เกี่ยวกับการอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยมเมื่อเพื่อนทุกกลุ่มนำเสนอเสร็จอาจารย์ก็ให้ดูวิดีโอเกี่ยวกับพัฒนาการของเด็ก การอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัย
1.การกินอาหารดีดื่มน้ำมากนอนหลับเพียงพอเหมือนทฤษฎีของมาสโลว์
ทฤษฎีของมาสโลว์แบ่งออกเป็น 5 ขั้น
ได้แก่
1) ความต้องการทางร่างกาย (physiological needs)
2) ความต้องการความปลอดภัยและมั่นคง (safety and security needs)
3) ความต้องการทางสังคมและความรัก (social and love needs)
4) ความต้องการการยกย่อง (esteem needs)
5) ความต้องการความเป็นจริงในชีวิต (self-actualization needs)
ในปัจจุบัน ความต้องการของมนุษย์ตามแนวคิดของมาสโลว์ได้ถูกแบ่งออกเป็น 8 ขั้น โดยที่ เดอพอยและกิลสัน (DePoy&Gilson, 2012, pp. 121-122) แสดงภาพพีระมิดลำดับ 8 ชั้นของความต้องการ (Maslow’s Hierarchy of Needs pyramid) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการเสริมคุณค่าความเป็นมนุษย์
ขั้นที่ 1 ความต้องการทางร่างกาย (physiological needs) เป็นความต้องการลำดับต่ำสุดและเป็นพื้นฐานของชีวิต เป็นแรงผลักดันทางชีวภาพ เช่น ความต้องการอาหาร น้ำ อากาศ ที่อยู่อาศัย ตลอดทั้งมีสภาพแวดล้อมการทำงานที่เหมาะสม เช่น ความสะอาด ความสว่าง การระบายอากาศที่ดี การบริการสุขภาพ เป็นต้น
ขั้นที่ 2 ความต้องการความปลอดภัย (need for safety) เป็นความต้องการที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่ความต้องการทางร่างกายได้รับการตอบสนองอย่างไม่ขาดแคลนแล้ว หมายถึง ความต้องการสภาพแวดล้อมที่ปลอดจากอันตรายทั้งทางกายและจิตใจ ความมั่นคงในงาน ในชีวิตและสุขภาพ การสนองในลักษณะนี้ทำได้หลายอย่าง เช่น การประกันชีวิตและสุขภาพ กฎระเบียบ ข้อบังคับที่ยุติธรรม การให้มีสหภาพแรงงาน ความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน ฯลฯ
ขั้นที่ 3 ความต้องการความรักและการยอมรับ (need for love and acceptance) เมื่อมีความปลอดภัยในชีวิตและมั่นคงในการงานแล้ว คนเราจะต้องการความรัก มิตรภาพ ความใกล้ชิด ผูกพัน ความต้องการเพื่อน การมีโอกาสเข้าสมาคมสังสรรค์กับผู้อื่น ได้รับการยอมรับเป็นสมาชิกในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือหลายกลุ่ม
ขั้นที่ 4 ความต้องการนับถือตนเองและได้รับการเคารพจากผู้อื่น (need for self-esteem) เมื่อความต้องการความรักและการยอมรับได้รับการตอบสนองแล้ว คนเราจะต้องการสร้างสถานภาพของตัวเองให้สูงเด่น มีความภูมิใจและสร้างความนับถือตนเอง ชื่นชมในความสำเร็จของงานที่ทำ ความรู้สึกมั่นใจในตนเองและมีเกียรติ ความต้องการเหล่านี้เช่น ยศ ตำแหน่ง ระดับเงินเดือนที่สูง งานที่ท้าทาย ได้รับการยกย่องจากผู้อื่น มีส่วนร่วมในการตัดสินใจในงาน โอกาสแห่งความก้าวหน้าในงานอาชีพ ฯลฯ
ขั้นที่ 5 ความต้องการรู้และเข้าใจตนเอง (knowledge and understanding needs) ในด้านความสามารถ ความสนใจ สิ่งที่ชอบ สิ่งที่ทำแล้วเกิดประโยชน์ทั้งต่อตนเองและสังคมอย่างแท้จริง โดยไม่ยึดติดกับตำแหน่งหน้าที่ในการทำงาน แต่ทำทุกอย่างที่เป็นความสบายใจของตนเองและเกิดประโยชน์ทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น
ขั้นที่ 6 ความต้องเข้าถึงสุนทรียะความดีงามของชีวิต (need for aesthetics/beauty) มีความสามารถในการมองเห็นสิ่งสวยงามที่อยู่รอบตัวที่คนอื่นมองไม่เห็น เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งว่าตนเองและสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งที่แยกกันไม่ออก ทุกสิ่งในโลกนี้ล้วนสวยงามและมีคุณค่าในตนเอง
ขั้นที่ 7 ความต้องเข้าถึงศักยภาพแห่งตน (self-actualization needs) คือต้องการจะเติมเต็มศักยภาพของตนเอง ต้องการความสำเร็จในสิ่งที่ปรารถนาของตนเอง ความเจริญก้าวหน้าในการพัฒนาทักษะความสามารถให้ถึงขีดสุดยอด มีความเป็นอิสระในการตัดสินใจและคิดสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ การก้าวสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นในอาชีพและการงาน
ขั้นที่ 8 ความต้องเป็นบุคคลที่ยอดเยี่ยมในการอุทิศตนเพื่อมวลมนุษยชาติ (transcendence) เป็นอัจฉริยะบุคคลที่สามารถสร้างประโยชน์ให้กับมนุษยชาติอย่างถึงที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ มีชีวิตอยู่เพื่อผู้อื่น
ความต้องการทั้ง 8 อย่างเหล่านี้แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ ความต้องการที่เกิดจากความขาดแคลน (deficiency needs) เป็นความต้องการระดับพื้นฐาน ได้แก่ ความต้องการทางกายและความต้องการความปลอดภัย ปัจจุบันนับว่าความต้องการใช้อินเทอร์เน็ต การเข้าถึงโซเชียลมีเดียน่าจะรวมอยู่ขั้นนี้ อีกกลุ่มหนึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องการความก้าวหน้าและพัฒนาตนเอง (growth needs) ได้แก่ ความต้องการทางสังคม เกียรติยศ ชื่อเสียง และความต้องการเติมความสมบูรณ์ให้ชีวิต จัดเป็นความต้องการระดับสูง และอธิบายว่าความต้องการระดับต่ำจะได้รับการตอบสนองจากปัจจัยภายในตัวบุคคลเองในการอธิบายองค์ประกอบของแรงจูงใจซึ่งมีการพัฒนาในระยะหลังๆ จนถึงความต้องการเป็นบุคคลที่ยอดเยี่ยมในการอุทิศตนเพื่อมวลมนุษยชาติ
การแบ่งลำดับขั้นความต้องการเป็น 8 ขั้นนี้ ก่อให้เกิดประเด็นโต้แย้งจากนักจิตวิทยาหลายท่านที่ไม่เห็นด้วยกับการจัดลำดับแบบนี้ เพราะคิดว่า self-actualization เป็นกระบวนการที่คนเราทุกคนที่ได้รับความพอใจในความต้องการพื้นฐาน 4 ประเภทแล้วเสาะแสวงหาอยู่เสมอโดยไม่มีจุดจบ จึงเป็นการยากที่จะเชื่อว่าคนเราจะต้องถึงขั้น self-actualization อย่างสมบูรณ์ก่อนที่จะมีความต้องการทางสติปัญญาหรือความต้องการรู้และเข้าใจตนเอง (knowledge and understanding needs/ขั้นที่ 5)(Newman & Newman, 1983 และ Di Capprio, 1984) อีกประการหนึ่ง มาสโลว์ได้เขียนไว้ในหนังสือของท่านว่า ความต้องการที่จะรู้และเข้าใจ (ความอิสระที่จะสำรวจสิ่งแวดล้อมหาข้อมูล) เป็นความต้องการที่จำเป็นที่จะมีก่อน (Precondition) เพื่อจะมีพฤติกรรมสนองตอบความต้องการพื้นฐานอย่างอื่น ดังนั้น ในหนังสือที่เขียนเกี่ยวกับความต้องการทฤษฎีของมาสโลว์ในทศวรรษที่แล้วเป็นต้นมา (Maslow, 1970) จึงใส่ self-actualization เป็นลำดับขั้นสูงสุดของความต้องการตามทฤษฎีของมาสโลว์
* เด็กนอนวันละ 12-15 ชั่วโมง
*ผู้ใหญ่นอนอย่างน้อย 8-10 ชั่วโมง
2.กระตุ้นประสาทสัมผัสผ่านการลงมือกระทำ
3.เล่านิทานจัดหาหนังสือที่หลากหลายให้กับลูก
4.เล่นสีและทำงานศิลปะ
5.ทำกิจกรรมดนตรีและเคลื่อนไหว
6.เล่นกีฬาและออกกำลังกาย
7.ทำอาหารด้วยกัน
และกิจกรรมอื่นๆที่มีผลต่อการพัฒนาการเด็ก

ภาพกิจการนำเสนอเกี่ยวกับนักทฤษฎีท่เกี่ยวข้องกับการอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัย






ประเมินตัวเอง ได้รู้แนวคิดของนักทฤษฎีที่เกี่ยวกับการอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัย
ประเมินเพื่อน เพื่อนได้รู้แนวคิดของนักทฤษฎีที่เกี่ยวกับการอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัย
ประเมินอาจารย์ อาจารย์ได้พูดเสริมเนื้อหาสาระเกี่ยวกับนักทฤษฎีให้เข้าใจยิ่งขึ้น

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2561 ครั้งที่ 5

วันนี้อาจารย์ได้ให้จับกลุ่มเพื่อที่จะไปสัมภาษณ์บทบาทหน้าที่ของความเป็นครูโดยจะต้องไปสัมภาษณ์ครูที่โรงเรียนอะไรก็ได้แต่ต้องเป็นครูปฐมวัยเพื่อให้เข้าใจบทบามและหน้าที่ของการเป้นครูปฐมวัยมากขึ้นและในชั่วโมงอาจารย์ก็ได้ให้นำเสนอความต้องการของเด็กปฐมวัยเมื่อเพื่อนๆนำเสนอเสร็จอาจารย์ก็ได้พูดเสริมเกี่ยวกับเรื่องความต้องการของเด็กปฐมวัย คือ
ด้านร่างกาย
เด็กต้องการเคลื่อนไหวร่างกายได้ เช่น ต้องการสัมผัสสิ่งของต่างๆผ่านอวัยวะภายนอกร่างกาย
ด้านอารมณ์ จิตใจ 
เด็กต้องการการได้รับความเอาใจใส่จากพ่อแม่ ผู้ปกครองหรือผู้เลี้ยงดู
ต้องการมีความสุขไม่ยากทุกข์เด็กไม่ต้องการมุมทางลบเช่น การร้องไห้ การขัดใจ
ด้านสังคม
ต้องการการยอมรับจาก พ่อแม่ เพื่อน
ต้องการการมีตัวตน
เด็กต้องการให้เห็นเขาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
ต้องการความเท่าเทียมกัน
ด้านสติปัญญา
เด็กต้องการเรียนรู้ทุกเรื่องในสิ่งรอบๆตัว เช่น 
1.การรู้เกี่ยวกับตัวเอง เช่น รู้ว่าร่างกายของเราว่าอันนี้ คือ หู ตา จมูก ผม เป็นตน
2.การรู้บุคคลและสถานที่
3.การรู้วันสำคัญต่างๆ เช่น วันปีใหม่ วันสงกรานต์ วันเข้าพรรษา
4.การรู้ธรรมชาติของสิ่งต่างๆ เช่น ต้นไม้ ใบไม้ หญ้า 
5.สิ่งต่างๆรอบตัว เช่น เรื่องอากาศ เรื่อง ปรากฎการณืต่างๆที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ



ประเมินตนเอง : ได้รู้ความต้องการของเด็กปฐมวัย
ประเมินเพื่อน : เพื่อนได้รู้ความต้องการของเด็กปฐมวัยที่หลากหลาย
ประเมินอาจารย์ : อาจารย์ได้พูดเสริมเมื่อเพื่อนแต่ละกลุ่มนำเสนอทำให้เข้าใจเนื้อหามากขึ้น

วันพุธที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2561

วันที่ 30 มกราคม 2561 ครั้งที่ 4

วันนี้อาจารย์ได้เข้าสอน 9 โมงกว่าๆเพราะไปดูงานของรุ่นพี่ปี 5 ที่จะจบและชั่วโมงนี้อาจารย์ก็ได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องกิจกรรมที่จะไปรับเด็กหน้าโรงเรียนสาธิตจันทรเกษมตอนเช้าของสัปดาห์หน้าและได้นัดเวลาไปฟังผู้อำนวยการโรงเรียนสาธิตก่อนที่จะไปรับเด็กหน้าโรงเรียนและในคาบนี้อาจารย์ก็ให้ทำกิจกรรมเป็นกลุ่ม หัวข้อเรื่องความต้องการของเด็กปฐมวัย

บรรยากาศในห้องเรียนและการทำงานเป็นกลุ่ม


การวางแผนแบ่งกลุ่มไปดูเด็กแต่ละห้อง

การทำมายแมพเพื่อนำเสนอในคาบถัดไป




ประเมินตนเิอง : ได้เนื้อหาความต้องการของเด็กปฐมวัยมากขึ้น
ประเมินเพื่อน : เพื่อนช่วยกันทำงานกลุ่มและมีการสืบค้นหาข้อมูลช่วยกัน
ประเมินอาจารย์ : อาจารย์ชี้แจงรายละเอียดของการทำกิจกลุ่มอย่างเข้าใจ

วันที่ 24 เมษายน 2561 ครั้งที่ 13

วันนี้อาจารย์ได้นัดนักศึกษาทำอาหารเด็กปฐมวัยที่โรงเรียนสาธิตจันทรเกษม เพื่อนต่างพากันเตรียมอุปกรณ์มาทำอาหาร                           ...